หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 060
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 060
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบายวางกายให้สบาย ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ พยายามฝึกฝนให้เกิดความเคยชิน หัดวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราว่าอะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรควรแก้ไข ถ้าเราไม่ศึกษาไม่ค้นคว้าก็ยากที่จะเข้าใจในชีวิตของเรา ว่าจะเข้าใจอยู่ในระดับของโลกิยะของสมมติ ทั้งที่จิตวิญญาณของเราก็ยังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่
อย่างน้อยๆ ก็ขอให้รู้จักการเจริญสติอานาปานสติ รู้ลมหายใจเข้าออกของเรา การหายใจเข้าเป็นอย่างไร หายใจออกเป็นอย่างไร การละกิเลสเป็นอย่างไร ก็เป็นผลดีสำหรับพวกเราทุกคนนั่นแหละถ้าพวกเราทำ ถ้าไม่ทำพวกเราก็ไม่รู้ สิ่งพวกนี้เราจะไปยกให้กันเลยไม่ได้ทีเดียว เราต้องสร้างขึ้นมาเอาทำขึ้นเอา การละกิเลสก็ละเอา การศึกษาค้นคว้าตามแนวทางของพระพุทธองค์
การเจริญสติ คำว่ารู้ตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ รู้ตัวต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ฐานของใจ เราไม่รู้ฐานของใจ เราก็รู้จักควบคุมเอาไว้จนกว่าใจของเราจะสงบ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นหรือว่าแยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ ตามดูตามรู้ตามเห็นทุกเรื่อง ทุกเรื่องเลยทีเดียว
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราเกิดความกังวลฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเราส่งออกไปภายนอก หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดซึ่งเรียกว่าอาการของขันธ์ห้าก็ผุดขึ้นมาปรุงแต่ง ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร อันนี้เป็นความหลงอย่างลุ่มลึกซึ่งเป็นส่วนของนามธรรม
ส่วนรูปธรรมคือร่างกายของเรานี้ก็เป็นก้อนรูป ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ถึงจะเห็น เห็นทั้งรูปทั้งนามซึ่งอยู่ในกายของเรา เราก็ต้องมาเจริญสติ เพียงแค่เจริญให้ต่อเนื่องพวกเราก็ไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่อง ปล่อยปละละเลย พากันปล่อยปละละเลยทั้งที่ใจเป็นบุญอยากจะได้บุญอยากจะทำบุญ ทั้งที่ศรัทธาก็มีกันเต็มเปี่ยม ศรัทธา ศรัทธามากเกินไป มันก็ดีอยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในกองบุญกองกุศล
มีศรัทธาน้อมเข้ามาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยแล้วก็เจริญสติ รู้จักลักษณะของการสร้างสติ การดับการหยุดการระงับยับยั้ง การละกิเลส การสำรวจใจของเรา ส่วนมากจะรู้เมื่อเขาเกิดแล้ว ไม่ค่อยจะรู้ลึกลงไปถึงฐาน ถึงลักษณะตัวตนที่แท้จริงของใจคือความว่าง ความว่าง ว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ว่างจากความคิดอารมณ์ ว่างจากขันธ์ห้า ตรงนี้แหละ ว่างจากขันธ์ห้านี้มันยากจริงๆ ถ้าบุคคลไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีความเสียสละ ไม่รู้จักฝักใฝ่ไม่รู้จักสนใจให้ต่อเนื่อง ก็ยากที่จะเข้าใจ
เราก็ต้องพยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีให้มีให้เกิดขึ้น บารมีความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ การเสียสละละกิเลสของเรามีเพียงพอหรือไม่ เราละกิเลสได้ระดับไหน ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความจริงใจต่อตัวเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเยอะจริงๆ เยอะจริงๆ ถ้าเราไม่ค้นคว้า ยิ่งศึกษาค้นคว้าเข้าไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ ไม่ให้คลาดสายตาของสติปัญญาของเราได้เลย
เพียงแค่สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันพวกเราก็ยังทำกันไม่ได้ต่อเนื่องเลย ภายใน 5 นาที 10 นาทีก็ยังไม่ต่อเนื่องกัน วันหนึ่งมีตั้งหลายชั่วโมง เดือนหนึ่งมีตั้งหลายวัน ปีหนึ่งเป็นเท่าไร มีการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกัน เอาไปใช้การใช้งานจนเอาไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราได้ ให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง
เพียงแค่การเกิดแม้แต่นิดเดียว การปรุงแต่ง ความทะเยอทะยานอยาก ความอยาก ความปรุงแต่งแม้แต่นิดเดียว ถ้าตัววิญญาณเขาเกิดให้เราหยุด ให้เราหยุดระงับยับยั้ง เพียงแค่การเกิด การแยกการคลายเราก็ยังไม่รู้ไม่เห็น การตามดูอาการของขันธ์ห้าเราก็ยังไม่เห็น เราจะไปเข้าใจคำว่าอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าได้อย่างไร การควบคุมใจมีเป็นบางครั้ง แต่ก็ต้องพยายามอย่าไปปล่อยปละละเลย ทำได้พยายามทำ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งอย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง
ทุกคนคนเราก็สร้างอานิสงส์มาต่างกัน บางคนก็สร้างมาเต็มเปี่ยมบางคนก็สร้างมาน้อย บางคนก็มีเพียบพร้อมทั้งสมมติ บางคนก็มีเพียบพร้อมทั้งวิมุตติ บางคนก็สมบูรณ์ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ หลายสิ่งหลายอย่าง บางคนบางท่านก็ยังลำบากทางสมมติอันนั้นก็ติดขัดอันนี้ก็ติดขัด จะไปโทษกันไม่ได้เลย เราขึ้นอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิบากของกรรมอานิสงส์ของกรรม เราต้องทำความเข้าใจกับคำว่ากรรมคือการกระทำ การกระทำอยู่ปัจจุบัน อดีต การกระทำก็จะส่งผลถึงอนาคต เราทำดีอานิสงส์ผลบุญก็จะส่งผลถึงอนาคตแล้วแต่แรงเหวี่ยงของกรรม แรงเหวี่ยงของสติปัญญา จะเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้ ให้เห็นตามความเป็นจริง
เราต้องพยายามทำ รู้ตัวรู้กายรู้ใจให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ความอยาก อยากในรูปในรสในกลิ่นในเสียง ไม่อยากอีกความไม่อยาก ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ไม่อยากมา ผลักไสหรือว่าดึงเข้ามา ทุกเรื่องเลยในชีวิต เราต้องศึกษาค้นคว้าได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามกัน ยิ่งพระยิ่งชียิ่งโยมของเรา พยายามนะพยายามอย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง พยายามสร้างอานิสงส์ผลบุญผลทาน ให้สร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญจากน้อยๆ นี้แหละ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ ทั้งภายนอกทั้งภายใน มีอะไรเราก็ให้เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผิดพลาดเราก็เริ่มแก้ไขใหม่ ผิดพลาดก็เริ่มแก้ไขใหม่ จนหมดความสงสัยนั่นแหละ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร เราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด ใจของเราเกิดสักกี่เที่ยวเกิดสักกี่ครั้ง เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศล อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญเอาไว้เถอะเพื่อที่จะไม่ได้ตกอับ ในวันข้างหน้าอานิสงส์เปิดทางให้ กาลเวลาเปิดทางให้ อะไรที่จะเป็นบุญเป็นอานิสงส์ให้เรารีบทำ
วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้แหละ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ
อย่างน้อยๆ ก็ขอให้รู้จักการเจริญสติอานาปานสติ รู้ลมหายใจเข้าออกของเรา การหายใจเข้าเป็นอย่างไร หายใจออกเป็นอย่างไร การละกิเลสเป็นอย่างไร ก็เป็นผลดีสำหรับพวกเราทุกคนนั่นแหละถ้าพวกเราทำ ถ้าไม่ทำพวกเราก็ไม่รู้ สิ่งพวกนี้เราจะไปยกให้กันเลยไม่ได้ทีเดียว เราต้องสร้างขึ้นมาเอาทำขึ้นเอา การละกิเลสก็ละเอา การศึกษาค้นคว้าตามแนวทางของพระพุทธองค์
การเจริญสติ คำว่ารู้ตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ รู้ตัวต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ฐานของใจ เราไม่รู้ฐานของใจ เราก็รู้จักควบคุมเอาไว้จนกว่าใจของเราจะสงบ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นหรือว่าแยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ ตามดูตามรู้ตามเห็นทุกเรื่อง ทุกเรื่องเลยทีเดียว
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราเกิดความกังวลฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเราส่งออกไปภายนอก หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดซึ่งเรียกว่าอาการของขันธ์ห้าก็ผุดขึ้นมาปรุงแต่ง ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร อันนี้เป็นความหลงอย่างลุ่มลึกซึ่งเป็นส่วนของนามธรรม
ส่วนรูปธรรมคือร่างกายของเรานี้ก็เป็นก้อนรูป ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ถึงจะเห็น เห็นทั้งรูปทั้งนามซึ่งอยู่ในกายของเรา เราก็ต้องมาเจริญสติ เพียงแค่เจริญให้ต่อเนื่องพวกเราก็ไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่อง ปล่อยปละละเลย พากันปล่อยปละละเลยทั้งที่ใจเป็นบุญอยากจะได้บุญอยากจะทำบุญ ทั้งที่ศรัทธาก็มีกันเต็มเปี่ยม ศรัทธา ศรัทธามากเกินไป มันก็ดีอยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในกองบุญกองกุศล
มีศรัทธาน้อมเข้ามาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยแล้วก็เจริญสติ รู้จักลักษณะของการสร้างสติ การดับการหยุดการระงับยับยั้ง การละกิเลส การสำรวจใจของเรา ส่วนมากจะรู้เมื่อเขาเกิดแล้ว ไม่ค่อยจะรู้ลึกลงไปถึงฐาน ถึงลักษณะตัวตนที่แท้จริงของใจคือความว่าง ความว่าง ว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ว่างจากความคิดอารมณ์ ว่างจากขันธ์ห้า ตรงนี้แหละ ว่างจากขันธ์ห้านี้มันยากจริงๆ ถ้าบุคคลไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีความเสียสละ ไม่รู้จักฝักใฝ่ไม่รู้จักสนใจให้ต่อเนื่อง ก็ยากที่จะเข้าใจ
เราก็ต้องพยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีให้มีให้เกิดขึ้น บารมีความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ การเสียสละละกิเลสของเรามีเพียงพอหรือไม่ เราละกิเลสได้ระดับไหน ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความจริงใจต่อตัวเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเยอะจริงๆ เยอะจริงๆ ถ้าเราไม่ค้นคว้า ยิ่งศึกษาค้นคว้าเข้าไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ ไม่ให้คลาดสายตาของสติปัญญาของเราได้เลย
เพียงแค่สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันพวกเราก็ยังทำกันไม่ได้ต่อเนื่องเลย ภายใน 5 นาที 10 นาทีก็ยังไม่ต่อเนื่องกัน วันหนึ่งมีตั้งหลายชั่วโมง เดือนหนึ่งมีตั้งหลายวัน ปีหนึ่งเป็นเท่าไร มีการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกัน เอาไปใช้การใช้งานจนเอาไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราได้ ให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง
เพียงแค่การเกิดแม้แต่นิดเดียว การปรุงแต่ง ความทะเยอทะยานอยาก ความอยาก ความปรุงแต่งแม้แต่นิดเดียว ถ้าตัววิญญาณเขาเกิดให้เราหยุด ให้เราหยุดระงับยับยั้ง เพียงแค่การเกิด การแยกการคลายเราก็ยังไม่รู้ไม่เห็น การตามดูอาการของขันธ์ห้าเราก็ยังไม่เห็น เราจะไปเข้าใจคำว่าอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าได้อย่างไร การควบคุมใจมีเป็นบางครั้ง แต่ก็ต้องพยายามอย่าไปปล่อยปละละเลย ทำได้พยายามทำ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งอย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง
ทุกคนคนเราก็สร้างอานิสงส์มาต่างกัน บางคนก็สร้างมาเต็มเปี่ยมบางคนก็สร้างมาน้อย บางคนก็มีเพียบพร้อมทั้งสมมติ บางคนก็มีเพียบพร้อมทั้งวิมุตติ บางคนก็สมบูรณ์ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ หลายสิ่งหลายอย่าง บางคนบางท่านก็ยังลำบากทางสมมติอันนั้นก็ติดขัดอันนี้ก็ติดขัด จะไปโทษกันไม่ได้เลย เราขึ้นอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิบากของกรรมอานิสงส์ของกรรม เราต้องทำความเข้าใจกับคำว่ากรรมคือการกระทำ การกระทำอยู่ปัจจุบัน อดีต การกระทำก็จะส่งผลถึงอนาคต เราทำดีอานิสงส์ผลบุญก็จะส่งผลถึงอนาคตแล้วแต่แรงเหวี่ยงของกรรม แรงเหวี่ยงของสติปัญญา จะเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้ ให้เห็นตามความเป็นจริง
เราต้องพยายามทำ รู้ตัวรู้กายรู้ใจให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ความอยาก อยากในรูปในรสในกลิ่นในเสียง ไม่อยากอีกความไม่อยาก ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ไม่อยากมา ผลักไสหรือว่าดึงเข้ามา ทุกเรื่องเลยในชีวิต เราต้องศึกษาค้นคว้าได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามกัน ยิ่งพระยิ่งชียิ่งโยมของเรา พยายามนะพยายามอย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง พยายามสร้างอานิสงส์ผลบุญผลทาน ให้สร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญจากน้อยๆ นี้แหละ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ ทั้งภายนอกทั้งภายใน มีอะไรเราก็ให้เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผิดพลาดเราก็เริ่มแก้ไขใหม่ ผิดพลาดก็เริ่มแก้ไขใหม่ จนหมดความสงสัยนั่นแหละ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร เราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด ใจของเราเกิดสักกี่เที่ยวเกิดสักกี่ครั้ง เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศล อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญเอาไว้เถอะเพื่อที่จะไม่ได้ตกอับ ในวันข้างหน้าอานิสงส์เปิดทางให้ กาลเวลาเปิดทางให้ อะไรที่จะเป็นบุญเป็นอานิสงส์ให้เรารีบทำ
วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้แหละ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ