หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 25

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 25
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 25
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัว เราได้ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราแล้วหรือยัง เราทำความเข้าใจกับจิตวิญญาณในกายของเราแล้วหรือยัง ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ความเกิดความดับของความคิดเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ความเกิดความดับของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดที่เป็นส่วนนามธรรม วิญญาณในกายของเราเป็นลักษณะอย่างไร

เราต้องมาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ความรู้ตัวของเราต่อเนื่องเราก็จะรู้เท่ารู้ทัน รู้ลักษณะการเกิดของใจ รู้ลักษณะของใจ อยู่ในกายของเรานี้มีอะไรดีๆ มากมาย ให้เราพยายามทำความเข้าใจด้วยการเจริญสติเดินปัญญาตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านได้ค้นพบเรื่องสัจธรรมของชีวิต การดำเนินชีวิต ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส เราก็พยายามมาทำความเข้าใจ แล้วค่อยขัดค่อยเกลา ค่อยละ มองเห็นหนทางเดิน

ใจของคนเรานี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ความเกิดนี้ปิดกั้นตัวเองเอาไว้อย่างละเอียดที่สุด แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเองเอาไว้ แล้วก็เป็นทาสกิเลสอีก หลายสิ่งหลายอย่างกิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กาย กิเลสเกิดขึ้นที่ใจ พระพุทธองค์ท่านให้เน้นลงหาที่เหตุ ทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นเหตุของการเกิด ในเมื่อใจของเราได้เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็มาหลงมายึดต่อ เราจงมาทำความเข้าใจให้กระจ่างขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง

การทำสร้างบุญสร้างอานิสงส์เราสร้างได้ตลอดเวลา ศรัทธาทุกคนก็มีกันเต็มเปี่ยม การทำบุญให้ทานอยู่ระดับของสมมติอันนี้ก็มีกันเต็มเปี่ยม แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปรู้เหตุรู้ผล เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผลว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน อะไรเป็นส่วนนามธรรม อะไรเป็นส่วนรูปธรรม กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร รอบรู้ในกองสังขารในวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร รอบรู้ในสมมติในโลกธรรมเป็นอย่างไร เราต้องรู้ด้วยการเจริญสติ ด้วยการเจริญภาวนา รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้จนเป็นมหาสติ จนเป็นมหาปัญญา ว่าอะไรคือโลกอะไรคือธรรม จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม

สัมมาทิฏฐิความเห็นถูก เห็นถูกคือใจคลายออกความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนามในส่วนนามธรรม ส่วนร่างกายของเราก็เป็นก้อนรูป ก้อนรูปก้อนนี้ก็เรียกว่าก้อนกรรม ก้อนบุญ ก้อนบาป ก้อนทุกข์ นั่งนานก็ทุกข์ ไม่ได้ทานข้าวปลาอาหารก็ทุกข์ ท่านถึงว่าเป็นรังแห่งโรค เป็นก้อนทุกข์

เราจงพยายามมาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นในกายก้อนนี้ขณะที่เขายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าเขาหมดลมหายใจก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป พยายามทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วก็ดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง

การเจริญสติ ถ้าเราเจริญสติไม่ต่อเนื่อง ไม่รู้ลักษณะของสติปัญญา คำว่า ปัจจุบันธรรม ก็ยากที่จะเข้าใจ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้แต่การเกิดเขาก็ไม่ยอมแพ้ ความเกิดหรือความคิดของเรานั่นแหละ เกิดทั้งกายเนื้อก็คือรูปร่างกายของเราก็เกิดมาแล้ว ทีนี้เกิดทางด้านจิตวิญญาณ เกิดจากตัวใจโดยตรงหรือเกิดจากอาการของขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจ มีไม่มากถ้าบุคคลมาเจริญสติน้อมลงไปที่กาย หาเหตุหาผล ส่วนมากก็มีแต่จะมองออกไปภายนอก พุ่งออกไปภายนอกอย่างเดียว รวมกันไปทั้งก้อน ก็ต้องพยายามนะ ทั้งพระ ทั้งโยม ทั้งชี

แต่ละวันอย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล รู้จักวิธีการรู้จักแนวทางแล้วเราก็ไปเริ่มทำ ตื่น ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราก็สำรวจใจของเรา กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือเปล่า เรามีการกระทำให้ถึงพร้อม เรามีการขัดเกลากิเลสหรือไม่ ก็ต้องพยายามหมั่นแก้ไขปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมาย

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พยายามพากันศึกษาให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง