หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 092

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 092
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 092
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน วันนี้อากาศแจ่ม เป็นวันหยุด เป็นวันหยุดทางราชการ หยุดตรงกับวันอะไร ปิยะมหาราช วันที่ 23 ตุลา วันที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เลิกทาส เป็นวันเลิกทาส เลิกการใช้ทาส เลิกทาส พวกเราปลดทาสหรือยัง เลิกทาส เราเลิกทาสในตัวเองแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทาสของกิเลสอยู่หรือเปล่า สมัยก่อนพระพุทธองค์ท่านรัชกาลที่ 5 ท่านให้เลิกทาสทางด้านรูปธรรมท่านก็ให้เลิก ให้ผ่อนให้คลาย

สมัยของพระพุทธองค์ท่านให้เลิกทาส คือคลายความหลง ดับความเกิด ละกิเลส ทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เลิกแล้วหรือยัง หรือยังมาเพิ่มทาสอีก ก็ค่อยลด ค่อยละ ค่อยเลิกไปทีละนิดทีละหน่อย มันก็จะหมดจด ไปวัด หลวงพ่อบอกให้เลิกทาส กลับไปบ้าน ไปเลิกสามีภรรยาไม่ได้นะ แล้วก็โดนเอามาว่าหลวงพ่อสั่งมา บอกว่าให้เลิกว่าอย่างนั้น ให้ปล่อยให้วางความยึดมั่นถือมั่นทางด้านจิตวิญญาณ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

เพราะว่าตัวใจของคนเรานี่หลง หลงตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ หลงเกิด วนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ มีภพมนุษย์เท่านั้นที่จะเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลได้ชัดเจน พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ กว่าจะได้มาเจอหลักชัยของชีวิตนี่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ ผ่านสุข บําเพ็ญตบะมามากมาย จนกว่ามาค้นพบการดำเนินในเรื่องชีวิต

การแยกรูปแยกนาม กายของคนเรามีอะไรบ้าง ที่ว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ขันธ์ห้าเป็นอย่างไร วิญญาณเป็นอย่างไร การเกิดของวิญญาณเป็นอย่างไร ขณะมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ก็บําเพ็ญเต็มที่ ก็ตั้ง 5-6 ปีถึงเข้าใจ ทุกวิถีทาง แต่ท่านสร้างบารมีส่วนอื่นนั้นมาหลายภพหลายชาติ จนกระทั่งมาถึงภพสุดท้าย มารู้ด้วย เห็นด้วย ตามดูด้วย แล้วก็เอามาเปิดเผย ชี้เหตุชี้ผลให้เหล่ามนุษย์ได้เดินตาม ส่วนมนุษย์เรา คนเรานี่จะเดินตามให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรที่ถูกต้อง คําว่าถูกต้องของพระพุทธองค์อีก การเจริญสติ การอบรมใจ การแยกรูปแยกนาม การสร้างอานิสงส์บุญบารมีต้องเต็มเปี่ยมหมด

เกิดขึ้นมา ตื่นขึ้นมาเรารีบรู้ใจของเราแล้วหรือยัง ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง เราว่าเราไม่หลงหรอก แต่ถ้าเราแยกได้เมื่อไหร่ เราถึงจะรู้ว่าเราหลง เราว่าเรามีสติมีปัญญา ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่อง เราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนนั้นเป็นสติปัญญาของโลก ของสมมติ นอกจากที่เราจะเจริญสติเข้าไปรู้เท่ารู้ทัน ชี้เหตุชี้ผล เห็นใจของเราคลายกิเลสได้ ดับความทุกข์ได้ เข้าถึงความสุขภายในได้ อยู่กับ สมมติด้วยปัญญาได้ ทุกเรื่องในชีวิตๆ เราต้องพยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์ สร้างตบะสร้างบารมี อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส มีโอกาสทุกอย่างเลยๆ

ที่มาวัดวันนี้ มาทำบุญวันนี้ ถ้าไม่มีศรัทธาก็มาไม่ได้ ศรัทธาเป็นพื้นฐานเข้ามาทำบุญให้ทาน ลึกลงไปอีกเราทานเพื่ออะไร เพื่อละกิเลส การเจริญสติ เรารู้จักเอาสติไปวิเคราะห์ใจ รู้ไม่ทันก็ใช้วิธีการเข้าไปดับ เข้าไปอบรม จนกว่าจะแยก จนกว่าจะคลายได้ จนกว่าใจของเราอยู่กับกองบุญได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่เป็นอาจารย์สอบอารมณ์เรา ไม่มีใครเอาอะไรไปได้สักอย่าง ถึงเวลาแล้วก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ขณะที่ยังมีลมหายใจก็ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่หลงไม่ยึด ทำประโยชน์ให้เต็มที่ ถ้าเราไม่เข้าใจ อยู่คนเดียวก็ทุกข์ อยู่หลายคนก็ทุกข์ ทำการทำงานก็ทุกข์ เพราะว่าใจของเราไปหลงไปยึด เราทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ในระดับของสมมติ ทำเพื่อให้ขัดเกลากิเลสของเราออกให้มันหมด ให้ถึงใจดวงเดิมคือความไม่เกิด มองเห็นหนทางเดิน ว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็พยายามสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกัน ถึงเวลาก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย ทุกคนเกิดมาเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ยังจะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน กูดีมึงดี กินข้าวอิ่มแล้วก็ไปทะเลาะเบาะแว้งกัน หิวแล้วก็ไปหากินใหม่ จะทะเลาะเบาะแว้งกันก็ให้ทะเลาะเบาะแว้งกับกิเลสภายในของตัวเรา จัดการให้มันหมดจด จบเรื่องของเรา จบ นอกนั้นก็มีแต่หน้าที่ ยังประโยชน์กับสมมติให้เต็มเปี่ยม อานุภาพแห่งบุญ บุญระดับของสมมติเราก็ทำให้ดี ส่วนการขัดเกลากิเลสเราก็ทำ เราจะได้ทั้งทรัพย์ภายในทรัพย์ภายนอก ไปที่ไหนก็ไม่ตกอับ ไปที่ไหนก็มีแต่ความเจริญ

เราไม่เคยทำบุญ ไม่เคยให้ทาน สมมติเราก็ลําบาก ถึงเราจะเดินปัญญาละกิเลสได้ ถ้าเราไม่มีการละกิเลส ไม่รู้จักสร้างสะสม เสียสละสมมติให้เป็นทาน เราก็ไปแบบอย่าง อดๆ อยากๆ คือเราต้องให้สมบูรณ์แบบทั้งภายนอกภายใน ไม่อดไม่อยากไม่ลําบาก ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่าง มองเห็นหนทางเดิน เดินทางสมมติเราก็ทำให้เต็ม ทางวิมุตติเราก็ทำให้ถึงจุดหมาย มันไม่ถึงวันนี้ ก็ต้องถึงพรุ่งนี้ ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง อย่าไปปิดกั้นตัวเรา

คนเรานี้หลง ถ้าไม่หลงไม่เกิด หลงมาตั้งแต่ยังไม่เกิด ยังไม่ได้มาสร้างกายเนื้อ พอมาสร้างภพมนุษย์ก็มาหลงอีก พระพุทธองค์ท่านถึงให้คลายความหลงในกายเนื้อเสียก่อน แล้วก็ไปคลายความหลงในส่วนนามธรรมอีก แล้วก็ไปดับกิเลสอีก ด้วยการเจริญพรหมวิหาร จนไม่เหลืออะไร แนวทางนั้นมีมาตั้งนาน พวกเราจะดำเนินให้ถึงจุดหมายหรือไม่ ดำเนินอยู่แต่ยังไม่ถึง ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง การทำบุญให้ทาน เราก็พยายามทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นบุญของเรา ทำมากทำน้อย เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย

เราไม่มีความพร้อม เราก็น้อมกายของเราเข้ามาช่วย ถึงกายของเราไม่ได้มาช่วย เราก็น้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุด้วย หลวงพ่ออาศัยอานุภาพแห่งบุญ ให้เกิดขึ้นมาด้วยแรงแห่งบุญ ไม่ให้เกิดขึ้นด้วยความทะเยอทะยานอยาก ใครมีอานิสงส์ ใครมีบุญร่วมกันก็ได้มา บอกกล่าวกัน มาฝากเอาไว้เป็นสมบัติของส่วนกลาง เป็นสมบัติของส่วนรวม พวกเรามีโอกาสมากเท่านั้นถึงได้ทำ อีกสักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ให้พยายามทำ

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราจะดับความเกิด ดับความคิดไม่ได้ ก็พยายามกระตุ้นความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราดูสิ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันแล้วหรือยัง เพียงแค่การสร้าง การเจริญ การทำให้มีให้เกิด ตรงนี้ก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ ซึ่งเราก็เกิดมาก็หายใจกันตั้งแต่เกิด ไม่ดูไม่รู้หรอกก็หายใจอยู่ นั่นแหละ ก็หายใจด้วยความหลงนั่นแหละ แต่เราต้องมาสร้างความรู้ตัว แล้วก็มาพยายามสร้างให้ต่อเนื่อง

ส่วนการเกิดการดับของใจนั้น เขาก็เกิดๆ ดับๆ อยู่ของเขาอยู่เป็นอย่างนั้น บางทีเขาก็ไม่เกิด เขาก็ปกติ บางทีก็มีความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ทำอย่างไรเราถึงจะรู้เท่าทัน ใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน เป็นการทวนกระแส ถ้าเราเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง จะรู้เท่าทัน จนใจคลายออกจากความคิด เขาเรียกว่าแยกรูปแยกนาม นั่นแหละเขาเรียกว่าทิฐิ ความเห็น ความเห็นที่ถูกต้อง ใจคลายจากขันธ์ห้า ใจพลิก ใจหงายจากของที่คว่ำ ใจว่าง กายเบา สติตามเห็น การเกิด การดับ เห็นความไม่เที่ยงของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เขาดับไป ความว่างเปล่าก็มาปรากฏ ไม่ใช่เอาไปนึกเอาไปคิดเอา

เพียงแค่การเจริญเท่าที่เขาไปรู้เท่าทัน รู้ไม่ทันก็ดับก็หยุดเอาไว้ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่มีสติปัญญา ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่รู้ไม่เห็น ถ้าเดินตามแนวทางของพระพุทธองค์ จนกําลังสติปัญญาของเราช่ำชอง ดูแลทำความเข้าใจได้ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา กายทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณทำหน้าที่อย่างนี้ ใจเกิดกิเลส เราละกิเลสได้อย่างนี้ ส่วนมากมันก็เกิดเสียจนเผาตัวเองจนจบ ทุกเรื่อง

เราก็ต้องมาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เป็นเรื่องของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของตัวเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี จงปรับปรุงตัวเรา อย่าไปโทษคนโน้นโทษคนนี้ คนโน้นไม่ดีอย่างนั้น คนนั้นไม่ดีอย่างนี้ ใจของเราน่ะมันไม่ดี ถึงจะไปโทษคนโน้นคนนี้ คนอื่นไม่ดีก็เป็นเรื่องของเขา เราก็มาแก้ไขใจของเรา ใจไม่ดีเราก็แก้ไขใจของเราให้มันดี ถึงภายนอกมันไม่ดีอย่างไร ใจของเราดี ก็ดีอยู่เหมือนเดิม ถึงข้างนอกดีอย่างไร ถ้าใจของเราไม่ดี ใจของเราก็ไม่ดีอยู่เหมือนเดิม เราต้องมาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา

พระพุทธองค์ท่านถึงสอนเรื่องชีวิต ให้น้อมดู รู้ทั้งส่วนรูปส่วนนาม จนกระทั่งล้นออกไปสู่โลกธรรมแปดที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีปัจจัย มีเหตุมีผลหมด พวกเราจะเข้าถึงเหตุถึงผลหรือไม่ บุคคลที่มีบุญได้ฟังนิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ศรัทธาเป็นอย่างนี้ ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา แยกแยะได้ เป็นอย่างนี้ เห็นแล้ว รู้แล้ว ตามดูได้แล้ว เราจะละได้หรือไม่ เขามีเหตุมีผลหมดนั่นแหละ ทุกอย่างก็มีเหตุมีผล วิทยาศาสตร์ก็มีเหตุมีผล พุทธศาสนาเขามีเหตุมีผล เหตุทั้งรูปธรรม เหตุทั้งนามธรรม แต่เราจะแจงออก บอกตัวเองได้หรือไม่เท่านั้นเอง ถ้ารู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ใจของเราก็ยอมรับความเป็นจริง นั่นแหละ เราก็จะรู้จักจุดปล่อยจุดวาง ก็ต้องพยายามกันนะ

หมั่นสร้างอานิสงส์ สร้างบุญให้มันเต็ม ก่อนที่พวกเราจะได้ละจากโลกนี้ไป ก็จะได้ไม่ได้ลําบาก สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง