หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 093
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 093
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน ตื่นขึ้นมาแต่เช้า อากาศเริ่ม เริ่มลดนะ อากาศเริ่มเย็นลงสักหน่อยหนึ่ง ก็คงจะเข้าหน้าฤดูหนาว 27ก็จะเป็นวันปราวณาออกพรรษากัน แป๊บเดียว ปีหนึ่งๆ แป๊บเดียว การเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ยิ่งเร็วไวกว่านั้นอีก ภายในนาที 2 นาที 5 นาที เขาเกิดสักกี่เที่ยว เขาดับสักกี่เที่ยว เราดูรู้เท่าทันหรือเปล่า หรือจะเอาตั้งแต่บุญอย่างเดียว
รอทำตั้งแต่มหาเจดีย์ช่วยหลวงพ่ออย่างเดียว รอวันกฐินอย่างเดียว เราต้องดูภายในด้วย บุญภายนอกเราก็ทำอยู่กันเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีโอกาสเราได้ทำบุญ แล้วเราได้ทำบุญ เราได้สร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี แต่เราไม่สํารวจดูเท่านั้นเอง เราไม่ได้เคยเจริญสติเข้าไปดู ว่าความเสียสละ การสร้างบุญ สร้างอานิสงส์ สร้างบารมีเป็นลักษณะอย่างนี้ๆ ความเสียสละทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เสียสละให้ตัวเรา เสียสละให้หมู่ให้พวก ให้เพื่อนให้ฝูง มองโลกในทางที่ดี คิดดี เราได้ทำบุญอยู่ตลอดเวลา
การเกิดการดับของตัวใจในร่างกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา เขาเกิดอย่างไร ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากความคิดเป็นอย่างไร ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เขาเจริญอย่างไร เอาไปใช้อย่างไร ตรงนี้ที่พวกเราไม่พากันทำให้เกิดความเคยชิน อาจจะทำบ้าง บางครั้งบางคราว แต่ไม่ทำให้ต่อเนื่อง
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร คําว่าอัตตาของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขารในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมเป็นอย่างไร วิปัสสนาญาณ วิปัสสนาภูมิ การแยกรูปแยกนาม มีอยู่ในกายของเรา แนวทางนั้นมีมานาน พวกเราขาดการสนใจ ขาดการจำแนกแจกแจง เอาตั้งแต่สร้างบารมีกันอยู่ ก็เป็นสิ่งที่ดี เราจะไปเร่งรัดกันไม่ได้หรอกของพวกนี้ เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราพากันหมั่นดูแลรักษา ถึงเวลาเขาก็เจริญเติบโต ถึงเวลาเขาก็ออกดอกออกผล เราไม่อยากจะได้ดอกได้ผล เราก็ได้
คนเราเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องมาศึกษาเรื่องกรรม ค่อยพัฒนาจิตใจของเราไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เป็นเด็ก ใจของเราก็อยู่ในระดับนี้ โตขึ้นมาใจของเราก็อยู่ในระดับนี้ เราก็มาเจริญสติเข้าไปอบรมอีก ว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรควรละ อะไรควรเจริญ นี่แหละบุคคลเช่นนี้แหละจะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว จุดหมายก็คือความสะอาดความบริสุทธิ์ของจิตใจ หรือว่านิพพาน ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ไม่ใช่ว่านิพพานอยู่นอกกาย อยู่ที่ใจ เราคลายความหลงได้ ละกิเลสได้ ดับความเกิดได้ นิพพานปรากฏขึ้นที่ใจ คือความว่าง ความโล่ง ความโปร่ง ความบริสุทธิ์ ความไม่เกิด แต่เราก็ขัดเกลาอยู่ พากันมาทำบุญ มาให้ทาน สร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมีกันอยู่
แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความขยันหมั่นเพียรมีเกิดขึ้นที่เราหรือไม่ ความรับผิดชอบ เรารู้จักดิ้นรนแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญาหรือเปล่า ก็ต้องพยายามกันนะ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาสํารวจกายสํารวจใจของเรา พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา คําว่าศีล สมาธิ เป็นอย่างไร เราต้องทำให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา รู้จักน้อม รู้จักพิจารณา รู้จักแก้ไขตัวเอง ไม่ใช่ไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ถ้าเราสอนตัวเราได้เราไม่จำเป็นต้องไปที่ไหนเลย
ตื่นขึ้นมาก็รีบสอนกายสอนใจของเรา แล้วก็สนุกสร้างสร้างบุญ อยู่กับบุญ ใจเป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ ทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญอยู่ตลอดเวลา เราก็จะอยู่กับบุญ อานิสงส์แห่งบุญจะทำอะไรก็ไม่ได้ลําบาก หลั่งไหลมาทั้งเหล่ามนุษย์ทั้งเหล่าเทวดาทั้งหลายก็หลั่งไหลมา เว้นเสียแต่ว่า เราจะจัดการให้ถูกให้ต้องหรือไม่เท่านั้นเอง มันก็ต้องพยายามกัน
ทั้งพระทั้งชีเราก็มีความสุข มาอยู่ร่วมกัน มีอะไรเราก็ช่วยกัน ไม่จำเป็นต้องไปพูดมาก ปกครองตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องไปใช้กฎระเบียบสมมติโลกๆ เข้ามาปกครอง เอาธรรมปกครอง เจริญสติเข้าไปปกครองใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน เราก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว อย่างนี้แหละเขาเรียกว่าปกครองให้เป็น ปกครองตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ที่ปกครองไม่เป็น ถึงมีข้อวัตรปฏิบัติกันมากมาย เขียนเอาไว้มันก็มุดข้อวัตรปฏิบัติตรงนี้ก็มุดออกตรงนั้น มันก็มุดออกตรงนี้ ถึงได้มีกฎหมาย ถึงได้มีคุกมีตาราง มีตำรวจ มีทหาร
ไม่เอาธรรมะของพระพุทธองค์มาปกครองตนเอง ไม่รู้จักวิถีการแนวทาง มันก็เลยวุ่นวาย วุ่นวายจากข้างในก็ออกไปข้างนอก ออกจากข้างนอกก็ไปสู่สังคม สู่ประเทศชาติบ้านเมืองก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน ตีกัน ทำเกิดสงครามกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับกิเลส จัดการกับกิเลสภายในให้มันจบ ให้มันสิ้นเรื่อง ให้มันจบ แล้วก็สนุกสร้างประโยชน์ สร้างบุญสร้างกุศลให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องพากันมา หลวงพ่อจะพาสร้างพาทำ
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน ใจสงบก็ให้รู้ว่าใจสงบ ความรู้สึกรับรู้อยู่ขณะเวลาลมหายใจเข้าออก เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละ เขาเรียกว่าเจริญสติ แล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ ฟังไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากตัวใจ เกิดจากขันธ์ห้านั้นก็คงจะยังไม่มี เพราะว่านอกจากเกิดจากตัวใจที่จะปรุงแต่ง หรือว่าความคิด หยุด เราหยุดให้ได้ความภาระหน้าที่สมมติทางบ้านเราก็วางมาแล้ว เรายังเดินปัญญาไม่ได้ ยังแยกรูปแยกนามไม่ได้ กําลังสติยังไม่ต่อเนื่อง
เพียงแค่การเจริญการสร้างให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ก็ยังพากันทำไม่ได้ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้ธรรม ปรารถนาอยากจะได้บุญ อยากปรารถนาอยากจะเข้าถึงธรรม แต่การเจริญสติไม่มีจะเข้าถึงได้อย่างไร การเกิดของใจเพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็ปิดกั้นตัวเขาเองเอาไว้หมดแล้ว เขาหลงมาตั้งนาน ถ้าไม่หลงไม่เกิด หลงตั้งแต่ยังไม่มีกายเนื้อ เป็นวิญญาณล่องลอยเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ เขาหลงมาตั้งนานจนกระทั่งมาถึงเวลาอยู่ในภพของมนุษย์ มาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง สร้างกายเนื้อสร้างส่วนรูปธรรม ส่วนนามเป็นภพของมนุษย์ มีภพของมนุษย์เท่านั้นที่จะศึกษาตรงนี้ได้ละเอียด
พระพุทธองค์ท่านถึงได้บังเกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แล้วก็มาค้นพบ แล้วก็มาแจกแจงว่ากายของคนเรามีอย่างนี้ วิญญาณเป็นอย่างนี้ พิจารณาลงที่กายของตัวเอง จนใจมองเห็นความเป็นจริง จนใจปล่อย จนใจวาง จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า แต่เขาก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ คลายความยึดมั่นถือมั่น แล้วก็มาละกิเลส ดับความเกิด วิธีการแนวทางจะประหัตประหารกิเลสได้อย่างไร มันมีหลายชั้น ดับความเกิด จนกระทั่งได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ก็มาคลายเรื่องขันธ์ห้าให้ละเอียด ว่าเป็นกองเป็นขันธ์ได้อย่างไร แล้วก็มาดับความเกิด ละกิเลส อยู่ในกายตรงนี้แหละ อยู่ที่ใจวิญญาณของเรานี่แหละ แล้วก็หนุนกําลังสติปัญญาไปทำความเข้าใจกับโลกธรรม มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะเดินอย่างไร แก้ไขอย่างไร อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นอานิสงส์ พวกเราควรฝักใฝ่ ควรสนใจ ควรพิจารณา
เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย การสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ทุกคนสร้างกันมาดี แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปอบรมใจ ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ เราจะแก้ไขใจของเราอย่างไร ตรงนี้แหละที่ทำกันไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ ทำกันก็ครึ่งๆ กลางๆ บางทีก็ทำไปนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงรากถึงโคน การที่จะขึ้นสู่ที่สูง เราก็ต้องพยายามสร้างความเพียรให้เต็มเปี่ยม มีความเพียรเป็นเลิศ รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว มองเห็นหนทางเดินแล้ว ค่อยพักผ่อน สบาย ไปอยู่ที่ไหนก็สบาย สนุกสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว แนวทางนั้นมีมานานก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
รอทำตั้งแต่มหาเจดีย์ช่วยหลวงพ่ออย่างเดียว รอวันกฐินอย่างเดียว เราต้องดูภายในด้วย บุญภายนอกเราก็ทำอยู่กันเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีโอกาสเราได้ทำบุญ แล้วเราได้ทำบุญ เราได้สร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี แต่เราไม่สํารวจดูเท่านั้นเอง เราไม่ได้เคยเจริญสติเข้าไปดู ว่าความเสียสละ การสร้างบุญ สร้างอานิสงส์ สร้างบารมีเป็นลักษณะอย่างนี้ๆ ความเสียสละทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เสียสละให้ตัวเรา เสียสละให้หมู่ให้พวก ให้เพื่อนให้ฝูง มองโลกในทางที่ดี คิดดี เราได้ทำบุญอยู่ตลอดเวลา
การเกิดการดับของตัวใจในร่างกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา เขาเกิดอย่างไร ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากความคิดเป็นอย่างไร ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เขาเจริญอย่างไร เอาไปใช้อย่างไร ตรงนี้ที่พวกเราไม่พากันทำให้เกิดความเคยชิน อาจจะทำบ้าง บางครั้งบางคราว แต่ไม่ทำให้ต่อเนื่อง
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร คําว่าอัตตาของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขารในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมเป็นอย่างไร วิปัสสนาญาณ วิปัสสนาภูมิ การแยกรูปแยกนาม มีอยู่ในกายของเรา แนวทางนั้นมีมานาน พวกเราขาดการสนใจ ขาดการจำแนกแจกแจง เอาตั้งแต่สร้างบารมีกันอยู่ ก็เป็นสิ่งที่ดี เราจะไปเร่งรัดกันไม่ได้หรอกของพวกนี้ เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราพากันหมั่นดูแลรักษา ถึงเวลาเขาก็เจริญเติบโต ถึงเวลาเขาก็ออกดอกออกผล เราไม่อยากจะได้ดอกได้ผล เราก็ได้
คนเราเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องมาศึกษาเรื่องกรรม ค่อยพัฒนาจิตใจของเราไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เป็นเด็ก ใจของเราก็อยู่ในระดับนี้ โตขึ้นมาใจของเราก็อยู่ในระดับนี้ เราก็มาเจริญสติเข้าไปอบรมอีก ว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรควรละ อะไรควรเจริญ นี่แหละบุคคลเช่นนี้แหละจะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว จุดหมายก็คือความสะอาดความบริสุทธิ์ของจิตใจ หรือว่านิพพาน ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ไม่ใช่ว่านิพพานอยู่นอกกาย อยู่ที่ใจ เราคลายความหลงได้ ละกิเลสได้ ดับความเกิดได้ นิพพานปรากฏขึ้นที่ใจ คือความว่าง ความโล่ง ความโปร่ง ความบริสุทธิ์ ความไม่เกิด แต่เราก็ขัดเกลาอยู่ พากันมาทำบุญ มาให้ทาน สร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมีกันอยู่
แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความขยันหมั่นเพียรมีเกิดขึ้นที่เราหรือไม่ ความรับผิดชอบ เรารู้จักดิ้นรนแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญาหรือเปล่า ก็ต้องพยายามกันนะ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาสํารวจกายสํารวจใจของเรา พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา คําว่าศีล สมาธิ เป็นอย่างไร เราต้องทำให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา รู้จักน้อม รู้จักพิจารณา รู้จักแก้ไขตัวเอง ไม่ใช่ไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ถ้าเราสอนตัวเราได้เราไม่จำเป็นต้องไปที่ไหนเลย
ตื่นขึ้นมาก็รีบสอนกายสอนใจของเรา แล้วก็สนุกสร้างสร้างบุญ อยู่กับบุญ ใจเป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ ทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญอยู่ตลอดเวลา เราก็จะอยู่กับบุญ อานิสงส์แห่งบุญจะทำอะไรก็ไม่ได้ลําบาก หลั่งไหลมาทั้งเหล่ามนุษย์ทั้งเหล่าเทวดาทั้งหลายก็หลั่งไหลมา เว้นเสียแต่ว่า เราจะจัดการให้ถูกให้ต้องหรือไม่เท่านั้นเอง มันก็ต้องพยายามกัน
ทั้งพระทั้งชีเราก็มีความสุข มาอยู่ร่วมกัน มีอะไรเราก็ช่วยกัน ไม่จำเป็นต้องไปพูดมาก ปกครองตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องไปใช้กฎระเบียบสมมติโลกๆ เข้ามาปกครอง เอาธรรมปกครอง เจริญสติเข้าไปปกครองใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน เราก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว อย่างนี้แหละเขาเรียกว่าปกครองให้เป็น ปกครองตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ที่ปกครองไม่เป็น ถึงมีข้อวัตรปฏิบัติกันมากมาย เขียนเอาไว้มันก็มุดข้อวัตรปฏิบัติตรงนี้ก็มุดออกตรงนั้น มันก็มุดออกตรงนี้ ถึงได้มีกฎหมาย ถึงได้มีคุกมีตาราง มีตำรวจ มีทหาร
ไม่เอาธรรมะของพระพุทธองค์มาปกครองตนเอง ไม่รู้จักวิถีการแนวทาง มันก็เลยวุ่นวาย วุ่นวายจากข้างในก็ออกไปข้างนอก ออกจากข้างนอกก็ไปสู่สังคม สู่ประเทศชาติบ้านเมืองก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน ตีกัน ทำเกิดสงครามกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับกิเลส จัดการกับกิเลสภายในให้มันจบ ให้มันสิ้นเรื่อง ให้มันจบ แล้วก็สนุกสร้างประโยชน์ สร้างบุญสร้างกุศลให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องพากันมา หลวงพ่อจะพาสร้างพาทำ
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน ใจสงบก็ให้รู้ว่าใจสงบ ความรู้สึกรับรู้อยู่ขณะเวลาลมหายใจเข้าออก เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละ เขาเรียกว่าเจริญสติ แล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ ฟังไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากตัวใจ เกิดจากขันธ์ห้านั้นก็คงจะยังไม่มี เพราะว่านอกจากเกิดจากตัวใจที่จะปรุงแต่ง หรือว่าความคิด หยุด เราหยุดให้ได้ความภาระหน้าที่สมมติทางบ้านเราก็วางมาแล้ว เรายังเดินปัญญาไม่ได้ ยังแยกรูปแยกนามไม่ได้ กําลังสติยังไม่ต่อเนื่อง
เพียงแค่การเจริญการสร้างให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ก็ยังพากันทำไม่ได้ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้ธรรม ปรารถนาอยากจะได้บุญ อยากปรารถนาอยากจะเข้าถึงธรรม แต่การเจริญสติไม่มีจะเข้าถึงได้อย่างไร การเกิดของใจเพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็ปิดกั้นตัวเขาเองเอาไว้หมดแล้ว เขาหลงมาตั้งนาน ถ้าไม่หลงไม่เกิด หลงตั้งแต่ยังไม่มีกายเนื้อ เป็นวิญญาณล่องลอยเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ เขาหลงมาตั้งนานจนกระทั่งมาถึงเวลาอยู่ในภพของมนุษย์ มาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง สร้างกายเนื้อสร้างส่วนรูปธรรม ส่วนนามเป็นภพของมนุษย์ มีภพของมนุษย์เท่านั้นที่จะศึกษาตรงนี้ได้ละเอียด
พระพุทธองค์ท่านถึงได้บังเกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แล้วก็มาค้นพบ แล้วก็มาแจกแจงว่ากายของคนเรามีอย่างนี้ วิญญาณเป็นอย่างนี้ พิจารณาลงที่กายของตัวเอง จนใจมองเห็นความเป็นจริง จนใจปล่อย จนใจวาง จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า แต่เขาก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ คลายความยึดมั่นถือมั่น แล้วก็มาละกิเลส ดับความเกิด วิธีการแนวทางจะประหัตประหารกิเลสได้อย่างไร มันมีหลายชั้น ดับความเกิด จนกระทั่งได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ก็มาคลายเรื่องขันธ์ห้าให้ละเอียด ว่าเป็นกองเป็นขันธ์ได้อย่างไร แล้วก็มาดับความเกิด ละกิเลส อยู่ในกายตรงนี้แหละ อยู่ที่ใจวิญญาณของเรานี่แหละ แล้วก็หนุนกําลังสติปัญญาไปทำความเข้าใจกับโลกธรรม มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะเดินอย่างไร แก้ไขอย่างไร อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นอานิสงส์ พวกเราควรฝักใฝ่ ควรสนใจ ควรพิจารณา
เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย การสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ทุกคนสร้างกันมาดี แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปอบรมใจ ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ เราจะแก้ไขใจของเราอย่างไร ตรงนี้แหละที่ทำกันไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ ทำกันก็ครึ่งๆ กลางๆ บางทีก็ทำไปนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงรากถึงโคน การที่จะขึ้นสู่ที่สูง เราก็ต้องพยายามสร้างความเพียรให้เต็มเปี่ยม มีความเพียรเป็นเลิศ รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว มองเห็นหนทางเดินแล้ว ค่อยพักผ่อน สบาย ไปอยู่ที่ไหนก็สบาย สนุกสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว แนวทางนั้นมีมานานก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ