หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 081
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 081
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย พยายามหมั่นสร้างความรู้ตัวแล้วก็หมั่นวิเคราะห์เขาเรียกว่าความเพียร ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ยังมีลมหายใจอยู่ อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา จงพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร
การเจริญสติ ลักษณะของสติความรู้ตัวแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง การทำความเข้าใจรู้ลักษณะของใจ ใจปกติ ใจที่ไม่เกิดกิเลส ใจที่ไม่มีความกังวล ทำความเข้าใจกับทวารทั้งหกของเรา ทวารทั้งหกหูตาจมูกลิ้นกาย ก็ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียงเข้าไปถึงตัววิญญาณ ตัววิญญาณเป็นตัวรับรู้แต่ส่วนมากรับรู้ไม่รับรู้เฉยๆ บางทีก็เห็นรูปสวยๆ ก็เกิดความยินดี เห็นสิ่งดีๆ ก็เกิดกิเลส
เราก็รู้จักละกิเลส คลายแยกรูปแยกนามคลายความหลง ก่อนที่บุคคลที่จะรู้เรื่องการแยกรูปแยกนาม ก็ต้องรู้จักการเจริญสติให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ปัญญาของทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่เป็นปัญญาของโลกิยะที่เอาไปใช้กับสมมติ แต่ปัญญาในทางธรรมเราต้องสร้างขึ้นมา ความรู้ตัวไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมา ไม่ต่อเนื่องเราก็ต้องพยายามทำให้ต่อเนื่อง จนกว่าเราจะเห็นตัวใจของเราเคลื่อนไปรวมกับอาการของใจ เขาก็จะแยกออกจากกัน ใจก็จะว่างกายก็จะเบา
เราก็จะตามดูอาการเกิดการดับของความคิด ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร รู้ด้วยเห็นด้วย ไม่ใช่ว่าไปนึกเอา ตามทำความเข้าใจเราก็จะเห็นการเกิดการดับ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปนั่นแหละเขาเรียกว่า สภาวะธรรม เขาเรียกว่าอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา บางทีก็เป็นเรื่องอดีตบ้าง บางทีก็เป็นเรื่องอนาคตบ้าง บางทีก็เป็นกลางๆ บ้าง เรียกว่ากองสังขารซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรมก็ร่างกายของเรา
เราพยายามหมั่นสำรวจหมั่นวิเคราะห์ หมั่นแก้ไขหมั่นปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา ว่าขณะนี้ใจของเราเป็นบุญเป็นกุศล ใจของเราน้อมเข้ามาในกองบุญหรือไม่ เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน เรามีความรับผิดชอบหรือไม่ เรามีความเสียสละหรือเปล่า พยายามทำให้เต็มเปี่ยมทำให้เต็มที่ อย่าไปเห็นแก่ตัว อย่าไปเห็นแก่กินอย่าไปเห็นแก่นอน
รู้จักวิธีรู้จักแนวทางแล้ว เราพยายามขัดเกลาตัวเรา ไม่มีใครที่เขาจะทำให้เราได้หรอกนอกจากตัวของเราเอง จงเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วก็ปฏิบัติตามให้มีให้เกิดขึ้นให้รู้ให้เห็นตามความเป็นจริง ท่านถึงบอกให้เชื่ออีกทีหนึ่ง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับการละ การสังเกต การทำบุญการให้ทานเป็นพื้นฐานของการปล่อยวางเป็นพื้นฐานของการละกิเลส
ทุกคนเราเกิดมาต้องมีจุดหมายปลายทางคือความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ตราบใดที่ใจของเรายังเกิดอยู่เราก็พยายามสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมีสร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเราอยู่ตลอดเวลา เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเราล้นออกไปต่อส่วนร่วม เรามีความเมตตามองโลกในทางที่ดี รู้จักให้อภัยทานอโหสิกรรม
ทุกเรื่องในชีวิตเราต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้หมด แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออกตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเรารู้ได้ต่อเนื่องหรือไม่ ลึกลงไปเรารู้ใจของเรา รู้การหายใจเข้าออกส่วนนี้เขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ รู้กายแล้วก็รู้ใจ ไม่ว่าจะไปฝึกหัดปฏิบัติอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติอยู่ที่กายของเราเน้นลงอยู่ที่กายของเรา นอกนั้นก็เป็นแค่เพียงสถานที่หรือว่าครูบาอาจารย์ชี้แนะแนวทางให้
ถ้าเรารู้จักวิธีแล้ว กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ พยายามหมั่นวิเคราะห์จนเข้าลึกถึงฐานของใจ รู้จักสร้างกำลังใจทำใจของเราให้เป็นเอกเป็นหนึ่งปราศจากกิเลส เพราะว่าใจเดิมแท้นั้นเขาบริสุทธิ์ ความไม่รู้ความหลง เพียงแค่การเกิดเขาก็หลงหลงเกิด เป็นแค่การปรุงการแต่งเขาก็ปิดบังอำพรางตัวเอง แล้วอาการของเขาอีกมาปิดบังอำพรางตัวเขาอีก นิวรณธรรม ความกังวลความฟุ้งซ่านความลังเลก็ปิดกั้นตัวเขาไว้อีก กายเนื้อก็ปิดกั้นตัวเขาไว้อีก แถมใจก็เกิดความทะเยอทะยานอยาก ในหลักธรรมแล้วไม่ได้อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็นก็ปิดกั้นเอาไว้หมด
เราจงพยายามสร้างสติเข้าไปดูรู้เห็นตามความเป็นจริง เราดับเราละได้มากเท่าไรใจของเราก็สะอาดมากขึ้นเท่านั้น จนกว่าจะเข้าถึงฐานของใจ แม้แต่การเกิดก็ไม่ให้มี เพียงแค่ให้อยู่ในความบริสุทธิ์เป็นธาตุรู้ รับรู้ผิดถูกชั่วดีอย่างไรสติปัญญาของเราไปแก้ไข ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำนะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ในอิริยาบถใด ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร เราก็ต้องพยายามมองเห็นหนทางเดินของตัวเราให้ได้ ไม่ช้าก็ต้องเร็วต้องถึงจุดหมายปลายทางกันตราบใดที่เรายังเดินอยู่
อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ค่อยทำค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปรีบเร่งเราค่อยทำค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ก็ผ่านกาลผ่านเวล ผ่านการทำความเข้าใจ ผ่านการกระทำต่างๆ ถึงวาระเวลาเขาก็เต็มรอบให้เรา ค่อยเป็นค่อยไป
วันนี้ก็รู้สึกว่าอากาศฝนฟ้าก็ตกปรอยๆ ฝนฟ้าก็คงจะเริ่มมาแล้วแหละเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ชีเราหรือว่าฆราวาสญาติโยมของเราที่อยู่วัด ว่างๆ ก็พากันช่วยเอาปุ๋ยไปใส่ต้นไม้ให้หน่อยนะ ปุ๋ยที่โรงรถที่หลวงพ่อเอามาไว้ ญาติโยมก็ถวายมาให้โยมอรรถที่กรุงเทพฯ ท่านได้ถวายปุ๋ยมาไว้ให้ ท่านสั่งมาจากต่างประเทศก็เลยเอามาไว้ให้ใช้ให้ใช้ใส่ต้นไม้ ไปใส่ทางสวนมะลิวัลย์เอาใส่ต้นระกำ ให้ไปโปรยโปรยรอบข้างอย่าไปโปรยใส่โคน ทุกต้นนั่นแหละเอาไปใส่ให้เทวดาช่วยรด ฝนกำลังจะตกลงมา ก็จะได้สวยได้งามกันทุกที่ทุกอย่าง เราช่วยกันทำ
ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยความสะอาด เราก็ต้องพยายามทำ พวกเราก็จะพลอยได้อยู่ดีมีความสุข คนอื่นมาก็พลอยได้อยู่ดีมีความสุข เพียงแค่ย่างก้าวเข้ามาวัดจิตใจก็มีความอิ่มมีความสุขนั่นบุญเกิดขึ้นแล้ว ถ้ารู้จักรักษาบุญชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเราอีก ก็ยิ่งจะได้บุญมากขึ้นไปอีก เข้ามาเห็นวัดเห็นความสะอาด เห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าอยู่น่าอาศัย จิตใจก็เบิกบานมีความสุขบุญเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
บุคคลที่มีสติมีปัญญาเราก็รู้จักวิเคราะห์พิจารณาลึกลงไปถึงใจอีก ก็จะได้บุญอยู่กับบุญตลอดเวลา ไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่ได้ตกอับ เราก็ต้องพยายามกันช่วยเหลือกันทุกอย่าง อนุเคราะห์ช่วยเหลือกัน วันนี้ก็นิมนต์พระเราด้วยประมาณสัก 9 รูป ทางโรงพยาบาลก็จะได้ทำบุญได้มานิมนต์พระที่วัดเราไปทำบุญที่โรงพยาบาลบาลศูนย์ขอนแก่นประมาณสัก 9 รูป ประมาณสักช่วง 10 โมงเช้าทางโรงพยาบาลบาลก็จะเอารถมารับ ก็มานิมนต์หลายเที่ยวแล้วแหละหลายเที่ยวหลายครั้งหลายคราว อยากจะให้หลวงพ่อไปที่โรงพยาบาลบาล ก็มีโอกาสไม่มีโอกาส สภาพร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไรก็เลยไม่ค่อยจะได้ไป รู้สึกว่าเที่ยวนี้สภาพร่างกายก็พอจะไปได้อยู่
ดูภายนอกก็เหมือนกับไม่เป็นอะไร แต่สภาพร่างกายนี่ทรุดโทรมมานาน อาศัยการฉีดยาอาศัยการทานยามาตั้งหลายปี นี่สภาพเขาเสื่อมโทรมไปตามกาลตามเวลา แต่อยู่ด้วยพลังแห่งบุญอยู่ด้วยอำนาจแห่งอานิสงส์แห่งบุญ ใจอยู่ในกองบุญของกุศลใจไม่ทุกข์ไม่เครียด กายก็คอยดูแลรักษาเขาไป แต่ก็มีการเสื่อมโทรมอยู่ตลอดเวลา มีตั้งแต่ทรุดกับทรง
เมื่อวานวันก่อนนี้ไปที่พิมาย โยมมานิมนต์ไปที่พิมายไปทำบุญโยมหรั่ง ไปถึงพิมายแล้วก็นอนทรุดลงเลยทีเดียว ทรุดเลยเป็นนั่นเสียก่อน ต้องได้พักผ่อนเสียก่อนแล้วค่อยฟื้นขึ้นมา ดูเหมือนกับว่าจะไปได้พอไปจริงๆ แล้วก็เล่นงานเอาการเหมือนกัน หลวงพ่อถึงไม่ค่อยจะได้ไปที่ไหนมาที่ไหน ก็อยากจะอยู่มีอะไรก็ช่วยทำอยู่ในวัด มีอะไรก็อยู่นิ่งๆ ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยจะได้ไป พอไปได้ก็ไปบ้างแต่ก็รู้สภาพของตัวเองดี
หลวงพ่อก็ขออภัยกับทุกคนด้วย เหตุที่มาบางครั้งก็มานิมนต์บางทีก็ไม่ได้รับนิมนต์ ไม่ได้ไปเพราะว่าสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้ ก็อยากจะไปอยู่แต่มันไปไม่ได้ เพราะว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างนี้ อยู่ภายในวัดบางทีก็ไปช่วยทำโน่นทำนี่ก็ไปดู ไปดูไปช่วยมีอานิสงส์ จะสร้างอานิสงส์บุญให้กับทุกคนเท่าที่กำลังกายจะเอื้ออำนวยให้ ทำทุกอย่างที่จะเป็นบุญฝากเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้สร้างได้สานต่อ แต่เวลานี้ก็ที่วัดของเราก็รู้สึกว่าเป็นแหล่งบุญแล้วแหละแหล่งบุญใหญ่ ใครไปใครมาก็มีความสุข อยู่ใกล้อยู่ไกล
ฝากเอาไว้ ถึงพวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสร้างมาสานต่อ นี่แหละอำนาจแห่งบุญ ปิดกั้นเอาไว้ไม่อยู่ ทุกคนก็มาก่อร่างสร้างร่วมกัน ไม่ว่ากำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์ช่วยกันทุกฝ่าย หลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ขอบใจทั้งมนุษย์เหล่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ ขอบใจทั้งเหล่าเทวดาทั้งหลายที่มาคอยช่วยเหลือ เพราะว่าเทวดาคอยช่วยหลวงพ่ออยู่ตลอดเวลาไม่ให้ลำบาก จะขาดตกบกพร่องอะไรท่านมาคอยช่วยเหลือหลวงพ่ออยู่ เพราะว่าท่านมาบอกหลวงพ่อเอาไว้ตั้งแต่สมัยก่อน หลวงพ่อต้องการอะไรขาดอะไร หลวงพ่อปรารถนาที่จะทำอะไรให้ทำไปได้เลย เทวดาบอกเอาไว้
หลังจากนั้นมาก็เพียงแค่นึกด้วยสติด้วยปัญญา เพียงแค่ปรารภด้วยสติด้วยปัญญาก็มีมา จะเอามากเอาน้อยทำมากทำน้อย ขอให้เป็นประโยชน์ไม่ขาดตกบกพร่องเพราะว่าเทวดาท่านคอยช่วยอยู่ตลอดเวลา นี่แหละอำนาจแห่งบุญ ขอให้เราทำให้ถูกที่ถูกทาง บุญต่อบุญยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่าไปปิดกั้น แม้แต่ความคิด คิดในทางที่ดีแล้วก็การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลส แม้แต่ความอยากแม้แต่นิดเดียว อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา
พยายามทำความเข้าใจศึกษาอยู่ในกายของเรานี่แหละ กายของเรามีอะไรบ้าง คำว่าขันธ์ห้าอะไรคือขันห้า อะไรคือกองอะไรคือขันธ์ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดพยายามรีบละรีบกำจัดขัดเกลาตัวเราเองให้ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น เขาจะประกาศด้วยตัวของเขาเองเลยว่าขณะนี้ใจของเราสะอาด ขณะนี้ใจของเราบริสุทธิ์ ขณะนี้เราดับความเกิดได้แล้ว
เรามองเห็นหนทางเดินแล้วว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามทำอย่าพากันประมาท เพราะว่าทุกจิตทุกดวงก็เดินที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนกัน จะเดินช้าหรือเดินเร็วก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมของแต่ละบุคคล ขอให้เป็นกรรมที่ดี อะไรจะเป็นอกุศลกรรมก็พยายามละเสีย ให้เจริญในสิ่งที่ดีๆ ก็จะถึงจุดหมายปลายทางกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
การเจริญสติ ลักษณะของสติความรู้ตัวแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง การทำความเข้าใจรู้ลักษณะของใจ ใจปกติ ใจที่ไม่เกิดกิเลส ใจที่ไม่มีความกังวล ทำความเข้าใจกับทวารทั้งหกของเรา ทวารทั้งหกหูตาจมูกลิ้นกาย ก็ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียงเข้าไปถึงตัววิญญาณ ตัววิญญาณเป็นตัวรับรู้แต่ส่วนมากรับรู้ไม่รับรู้เฉยๆ บางทีก็เห็นรูปสวยๆ ก็เกิดความยินดี เห็นสิ่งดีๆ ก็เกิดกิเลส
เราก็รู้จักละกิเลส คลายแยกรูปแยกนามคลายความหลง ก่อนที่บุคคลที่จะรู้เรื่องการแยกรูปแยกนาม ก็ต้องรู้จักการเจริญสติให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ปัญญาของทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่เป็นปัญญาของโลกิยะที่เอาไปใช้กับสมมติ แต่ปัญญาในทางธรรมเราต้องสร้างขึ้นมา ความรู้ตัวไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมา ไม่ต่อเนื่องเราก็ต้องพยายามทำให้ต่อเนื่อง จนกว่าเราจะเห็นตัวใจของเราเคลื่อนไปรวมกับอาการของใจ เขาก็จะแยกออกจากกัน ใจก็จะว่างกายก็จะเบา
เราก็จะตามดูอาการเกิดการดับของความคิด ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร รู้ด้วยเห็นด้วย ไม่ใช่ว่าไปนึกเอา ตามทำความเข้าใจเราก็จะเห็นการเกิดการดับ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปนั่นแหละเขาเรียกว่า สภาวะธรรม เขาเรียกว่าอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา บางทีก็เป็นเรื่องอดีตบ้าง บางทีก็เป็นเรื่องอนาคตบ้าง บางทีก็เป็นกลางๆ บ้าง เรียกว่ากองสังขารซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรมก็ร่างกายของเรา
เราพยายามหมั่นสำรวจหมั่นวิเคราะห์ หมั่นแก้ไขหมั่นปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา ว่าขณะนี้ใจของเราเป็นบุญเป็นกุศล ใจของเราน้อมเข้ามาในกองบุญหรือไม่ เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน เรามีความรับผิดชอบหรือไม่ เรามีความเสียสละหรือเปล่า พยายามทำให้เต็มเปี่ยมทำให้เต็มที่ อย่าไปเห็นแก่ตัว อย่าไปเห็นแก่กินอย่าไปเห็นแก่นอน
รู้จักวิธีรู้จักแนวทางแล้ว เราพยายามขัดเกลาตัวเรา ไม่มีใครที่เขาจะทำให้เราได้หรอกนอกจากตัวของเราเอง จงเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วก็ปฏิบัติตามให้มีให้เกิดขึ้นให้รู้ให้เห็นตามความเป็นจริง ท่านถึงบอกให้เชื่ออีกทีหนึ่ง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับการละ การสังเกต การทำบุญการให้ทานเป็นพื้นฐานของการปล่อยวางเป็นพื้นฐานของการละกิเลส
ทุกคนเราเกิดมาต้องมีจุดหมายปลายทางคือความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ตราบใดที่ใจของเรายังเกิดอยู่เราก็พยายามสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมีสร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเราอยู่ตลอดเวลา เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเราล้นออกไปต่อส่วนร่วม เรามีความเมตตามองโลกในทางที่ดี รู้จักให้อภัยทานอโหสิกรรม
ทุกเรื่องในชีวิตเราต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้หมด แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออกตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเรารู้ได้ต่อเนื่องหรือไม่ ลึกลงไปเรารู้ใจของเรา รู้การหายใจเข้าออกส่วนนี้เขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ รู้กายแล้วก็รู้ใจ ไม่ว่าจะไปฝึกหัดปฏิบัติอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติอยู่ที่กายของเราเน้นลงอยู่ที่กายของเรา นอกนั้นก็เป็นแค่เพียงสถานที่หรือว่าครูบาอาจารย์ชี้แนะแนวทางให้
ถ้าเรารู้จักวิธีแล้ว กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ พยายามหมั่นวิเคราะห์จนเข้าลึกถึงฐานของใจ รู้จักสร้างกำลังใจทำใจของเราให้เป็นเอกเป็นหนึ่งปราศจากกิเลส เพราะว่าใจเดิมแท้นั้นเขาบริสุทธิ์ ความไม่รู้ความหลง เพียงแค่การเกิดเขาก็หลงหลงเกิด เป็นแค่การปรุงการแต่งเขาก็ปิดบังอำพรางตัวเอง แล้วอาการของเขาอีกมาปิดบังอำพรางตัวเขาอีก นิวรณธรรม ความกังวลความฟุ้งซ่านความลังเลก็ปิดกั้นตัวเขาไว้อีก กายเนื้อก็ปิดกั้นตัวเขาไว้อีก แถมใจก็เกิดความทะเยอทะยานอยาก ในหลักธรรมแล้วไม่ได้อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็นก็ปิดกั้นเอาไว้หมด
เราจงพยายามสร้างสติเข้าไปดูรู้เห็นตามความเป็นจริง เราดับเราละได้มากเท่าไรใจของเราก็สะอาดมากขึ้นเท่านั้น จนกว่าจะเข้าถึงฐานของใจ แม้แต่การเกิดก็ไม่ให้มี เพียงแค่ให้อยู่ในความบริสุทธิ์เป็นธาตุรู้ รับรู้ผิดถูกชั่วดีอย่างไรสติปัญญาของเราไปแก้ไข ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำนะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ในอิริยาบถใด ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร เราก็ต้องพยายามมองเห็นหนทางเดินของตัวเราให้ได้ ไม่ช้าก็ต้องเร็วต้องถึงจุดหมายปลายทางกันตราบใดที่เรายังเดินอยู่
อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ค่อยทำค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปรีบเร่งเราค่อยทำค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ก็ผ่านกาลผ่านเวล ผ่านการทำความเข้าใจ ผ่านการกระทำต่างๆ ถึงวาระเวลาเขาก็เต็มรอบให้เรา ค่อยเป็นค่อยไป
วันนี้ก็รู้สึกว่าอากาศฝนฟ้าก็ตกปรอยๆ ฝนฟ้าก็คงจะเริ่มมาแล้วแหละเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ชีเราหรือว่าฆราวาสญาติโยมของเราที่อยู่วัด ว่างๆ ก็พากันช่วยเอาปุ๋ยไปใส่ต้นไม้ให้หน่อยนะ ปุ๋ยที่โรงรถที่หลวงพ่อเอามาไว้ ญาติโยมก็ถวายมาให้โยมอรรถที่กรุงเทพฯ ท่านได้ถวายปุ๋ยมาไว้ให้ ท่านสั่งมาจากต่างประเทศก็เลยเอามาไว้ให้ใช้ให้ใช้ใส่ต้นไม้ ไปใส่ทางสวนมะลิวัลย์เอาใส่ต้นระกำ ให้ไปโปรยโปรยรอบข้างอย่าไปโปรยใส่โคน ทุกต้นนั่นแหละเอาไปใส่ให้เทวดาช่วยรด ฝนกำลังจะตกลงมา ก็จะได้สวยได้งามกันทุกที่ทุกอย่าง เราช่วยกันทำ
ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยความสะอาด เราก็ต้องพยายามทำ พวกเราก็จะพลอยได้อยู่ดีมีความสุข คนอื่นมาก็พลอยได้อยู่ดีมีความสุข เพียงแค่ย่างก้าวเข้ามาวัดจิตใจก็มีความอิ่มมีความสุขนั่นบุญเกิดขึ้นแล้ว ถ้ารู้จักรักษาบุญชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเราอีก ก็ยิ่งจะได้บุญมากขึ้นไปอีก เข้ามาเห็นวัดเห็นความสะอาด เห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าอยู่น่าอาศัย จิตใจก็เบิกบานมีความสุขบุญเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
บุคคลที่มีสติมีปัญญาเราก็รู้จักวิเคราะห์พิจารณาลึกลงไปถึงใจอีก ก็จะได้บุญอยู่กับบุญตลอดเวลา ไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่ได้ตกอับ เราก็ต้องพยายามกันช่วยเหลือกันทุกอย่าง อนุเคราะห์ช่วยเหลือกัน วันนี้ก็นิมนต์พระเราด้วยประมาณสัก 9 รูป ทางโรงพยาบาลก็จะได้ทำบุญได้มานิมนต์พระที่วัดเราไปทำบุญที่โรงพยาบาลบาลศูนย์ขอนแก่นประมาณสัก 9 รูป ประมาณสักช่วง 10 โมงเช้าทางโรงพยาบาลบาลก็จะเอารถมารับ ก็มานิมนต์หลายเที่ยวแล้วแหละหลายเที่ยวหลายครั้งหลายคราว อยากจะให้หลวงพ่อไปที่โรงพยาบาลบาล ก็มีโอกาสไม่มีโอกาส สภาพร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไรก็เลยไม่ค่อยจะได้ไป รู้สึกว่าเที่ยวนี้สภาพร่างกายก็พอจะไปได้อยู่
ดูภายนอกก็เหมือนกับไม่เป็นอะไร แต่สภาพร่างกายนี่ทรุดโทรมมานาน อาศัยการฉีดยาอาศัยการทานยามาตั้งหลายปี นี่สภาพเขาเสื่อมโทรมไปตามกาลตามเวลา แต่อยู่ด้วยพลังแห่งบุญอยู่ด้วยอำนาจแห่งอานิสงส์แห่งบุญ ใจอยู่ในกองบุญของกุศลใจไม่ทุกข์ไม่เครียด กายก็คอยดูแลรักษาเขาไป แต่ก็มีการเสื่อมโทรมอยู่ตลอดเวลา มีตั้งแต่ทรุดกับทรง
เมื่อวานวันก่อนนี้ไปที่พิมาย โยมมานิมนต์ไปที่พิมายไปทำบุญโยมหรั่ง ไปถึงพิมายแล้วก็นอนทรุดลงเลยทีเดียว ทรุดเลยเป็นนั่นเสียก่อน ต้องได้พักผ่อนเสียก่อนแล้วค่อยฟื้นขึ้นมา ดูเหมือนกับว่าจะไปได้พอไปจริงๆ แล้วก็เล่นงานเอาการเหมือนกัน หลวงพ่อถึงไม่ค่อยจะได้ไปที่ไหนมาที่ไหน ก็อยากจะอยู่มีอะไรก็ช่วยทำอยู่ในวัด มีอะไรก็อยู่นิ่งๆ ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยจะได้ไป พอไปได้ก็ไปบ้างแต่ก็รู้สภาพของตัวเองดี
หลวงพ่อก็ขออภัยกับทุกคนด้วย เหตุที่มาบางครั้งก็มานิมนต์บางทีก็ไม่ได้รับนิมนต์ ไม่ได้ไปเพราะว่าสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้ ก็อยากจะไปอยู่แต่มันไปไม่ได้ เพราะว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างนี้ อยู่ภายในวัดบางทีก็ไปช่วยทำโน่นทำนี่ก็ไปดู ไปดูไปช่วยมีอานิสงส์ จะสร้างอานิสงส์บุญให้กับทุกคนเท่าที่กำลังกายจะเอื้ออำนวยให้ ทำทุกอย่างที่จะเป็นบุญฝากเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้สร้างได้สานต่อ แต่เวลานี้ก็ที่วัดของเราก็รู้สึกว่าเป็นแหล่งบุญแล้วแหละแหล่งบุญใหญ่ ใครไปใครมาก็มีความสุข อยู่ใกล้อยู่ไกล
ฝากเอาไว้ ถึงพวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสร้างมาสานต่อ นี่แหละอำนาจแห่งบุญ ปิดกั้นเอาไว้ไม่อยู่ ทุกคนก็มาก่อร่างสร้างร่วมกัน ไม่ว่ากำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์ช่วยกันทุกฝ่าย หลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ขอบใจทั้งมนุษย์เหล่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ ขอบใจทั้งเหล่าเทวดาทั้งหลายที่มาคอยช่วยเหลือ เพราะว่าเทวดาคอยช่วยหลวงพ่ออยู่ตลอดเวลาไม่ให้ลำบาก จะขาดตกบกพร่องอะไรท่านมาคอยช่วยเหลือหลวงพ่ออยู่ เพราะว่าท่านมาบอกหลวงพ่อเอาไว้ตั้งแต่สมัยก่อน หลวงพ่อต้องการอะไรขาดอะไร หลวงพ่อปรารถนาที่จะทำอะไรให้ทำไปได้เลย เทวดาบอกเอาไว้
หลังจากนั้นมาก็เพียงแค่นึกด้วยสติด้วยปัญญา เพียงแค่ปรารภด้วยสติด้วยปัญญาก็มีมา จะเอามากเอาน้อยทำมากทำน้อย ขอให้เป็นประโยชน์ไม่ขาดตกบกพร่องเพราะว่าเทวดาท่านคอยช่วยอยู่ตลอดเวลา นี่แหละอำนาจแห่งบุญ ขอให้เราทำให้ถูกที่ถูกทาง บุญต่อบุญยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่าไปปิดกั้น แม้แต่ความคิด คิดในทางที่ดีแล้วก็การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลส แม้แต่ความอยากแม้แต่นิดเดียว อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา
พยายามทำความเข้าใจศึกษาอยู่ในกายของเรานี่แหละ กายของเรามีอะไรบ้าง คำว่าขันธ์ห้าอะไรคือขันห้า อะไรคือกองอะไรคือขันธ์ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดพยายามรีบละรีบกำจัดขัดเกลาตัวเราเองให้ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น เขาจะประกาศด้วยตัวของเขาเองเลยว่าขณะนี้ใจของเราสะอาด ขณะนี้ใจของเราบริสุทธิ์ ขณะนี้เราดับความเกิดได้แล้ว
เรามองเห็นหนทางเดินแล้วว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามทำอย่าพากันประมาท เพราะว่าทุกจิตทุกดวงก็เดินที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนกัน จะเดินช้าหรือเดินเร็วก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมของแต่ละบุคคล ขอให้เป็นกรรมที่ดี อะไรจะเป็นอกุศลกรรมก็พยายามละเสีย ให้เจริญในสิ่งที่ดีๆ ก็จะถึงจุดหมายปลายทางกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ