หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 044

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 044
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 044
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องกัน ทำใจของเราให้สงบ สร้างความรู้ตัวรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3​ เที่ยว การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ทำใจของเราให้สงบ กายของเราก็มีความรู้สึกรับรู้สบายขึ้นเยอะ

ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ เวลาลมกระทบปลายจมูกเข้า เวลาลมกระทบปลายจมูกออก เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตัว ไม่ค่อยจะทำความเข้าใจกันเท่าไหร่ มองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ทั้งที่ใจก็ฝักใฝ่ในการทำบุญ ในการให้ทาน แสวงหาทาน​ แสวงหาทางอยู่ ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม ถ้าจะยังเกิดอยู่ ใจก็ไม่นิ่ง เราพยายามทำใจของเราให้สงบ ความสงบนั้นยังไม่พอ​ เราก็หัดรู้ตัวให้ทันอีกว่าใจกับอาการของใจเขาไปรวมกันจนเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร ซึ่งเรียกว่า ‘โมหะ’

เรารู้เท่าทันใจกับอาการของใจ แยกออกจากกันได้เมื่อไหร่ เขาถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฐิ’ รู้แจ้งเห็นจริง เขาถึงจะเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ เพียงแค่เริ่มต้นในการรู้แจ้งเห็นจริง แต่การทำความเข้าใจ การตามดู​ ตามรู้​ ตามเห็น ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก ทำความเข้าใจกับคำว่า ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ ในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร

ตัววิญญาณ หรือว่าตัวใจของเรานี้ ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง ทำไมเขาถึงเป็นทาสของอารมณ์ ทาสของกิเลส ทำไมเขาถึงมีความทะเยอทะยานอยาก ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะเห็น ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่องก็ยากที่จะเข้าใจ เราก็ต้องพยายามสร้างความรู้ตัว หัดรู้ให้เท่าทัน รู้ด้วย เห็นด้วย แล้วก็ตามทำความเข้าใจให้รู้ได้ทุกเรื่อง​ อยู่ในกายของเรานี่แหละ ไม่ได้ไปอยู่ที่ไหนหรอก อยู่ในกายของเราทั้งหมดเลยทีเดียว​ ขันธ์ห้าก็อยู่ที่กายของเรา รูปนามก็อยู่ที่กายของเรา ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละ รู้จักดับ ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเรา ไม่ทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา ไม่มีใครเขาทำให้เราได้เลย

การได้ยิน​ได้ฟังได้อ่าน อันนั้นเป็นแค่เพียงแนวทาง เราต้องหมั่นเจริญสติ รู้จักชัดเจนว่าลักษณะของสติที่เราสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างนี้ การสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่สงบเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้​ ต้องให้ชัดเจนหมดทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมที่โน่น ไปปฏิบัติธรรมที่นี่ ไม่เข้าใจในเรื่องธรรมเลย การเจริญสติก็ไม่รู้เรื่องเลย​ เขาพาทำอย่างไร​ก็ทำ​ เขาพานั่งก็นั่ง เขาพาเดินก็เดิน​ ไปแบบนั้นก็ไปแบบความหลง หลงปฏิบัติ หลงเกิด

เราต้องพยายามรู้ให้ชัดเจน​ สร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ความรู้​ตัว​ จะลุกจะก้าวจะเดิน​ ใหม่ๆ ก็อาจจะงุ่มง่าม อาจจะพลั้งเผลอ ตามปกตินั้นแม้แต่ฝึกอยู่ก็ยังพลั้งเผลอ ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เลย ถ้าไม่มีความเพียรที่ต่อเนื่อง ถ้าไม่มีความขยัน ไม่มีความทำให้ต่อเนื่อง ก็ยากที่จะเข้าใจ ทั้งที่เราพยายามทำของยากให้เป็นของง่าย อย่าพยายามทำของง่ายให้เป็นของยาก เราพยายามทำ อย่าทำด้วยความอยากที่เกิดจากตัวใจ จงพยายามสร้างความรู้สึกตัวรับรู้ให้ต่อเนื่อง สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ สร้างความรู้ตัวใหม่ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ยังทำกันไม่ชำนาญ ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ ที่ต่อเนื่อง

อยากจะรู้แต่ธรรม อยากจะรู้อันโน้น อยากจะรู้อันนี้ มันก็ปิดกั้นตัวของมันเอาไว้หมด ตัวจิต ตัววิญญาณ​ เพราะ​เขาก็ชอบคิดชอบเที่ยวอยู่ตลอดเวลา ท่านถึงบอกให้พยายามสร้างตบะ สร้างบารมี ความอดทนอดกลั้นของเรามีหรือไม่ ความเป็นระเบียบ ความอ่อนน้อมถ่อมตน​ ความกตัญญูกตเวที ความเสียสละ​ ละกิเลสของเรา มันมีหลายชั้นที่ปิดกั้นเอาไว้ โลกธรรมแปดก็มาปิดกั้นเอาไว้ กายเนื้อก็มาปิดกั้นดวงจิตเอาไว้ ความคิดอารมณ์ก็มาปิดกั้นดวงจิตเอาไว้ แถมตัวจิตก็ยังมีความทะเยอทะยานอยากกิเลสหยาบกิเลสละเอียดอีก​ มันปิดกั้นเอาไว้หลายชั้น

ถ้าเราไม่รู้จักการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องจริงๆ หาเหตุหาผล​ กำลังสติปัญญาของเราต้องแหลมคม หาเหตุหาผล จนตัวใจของเราคลายออกจากความคิดได้ ตามดูรู้เห็นได้ เขายอมรับความเป็นจริงได้ อันนี้เรื่องของกาย อันนี้เรื่องจิตเข้ามาอาศัยกันอยู่ได้อย่างไร เขาเกิดอย่างไร สติปัญญาของเราไปเกิดแทนได้อย่างไร

เราต้องค้นคว้าหาเหตุหาผล จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ เขาถึงจะยอมปล่อยยอมวางได้ แต่ถ้าเราจะหา บางทีก็ลุ่มๆ ดอนๆ บางทีก็พลั้งเผลอ มันก็ได้แค่ลุ่มๆ ดอนๆ เราก็ต้องพยายามเอานะ ไม่เหลือวิสัยหรอก มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่าเป็นอานิสงส์อันสูงสุดแล้วแหล่ะ มีโอกาสได้สร้างบุญมาดีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็มาสร้างมาสานต่อ​ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พยายามทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ

ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม เราพยายามทำใจของเราให้เป็นบุญ มองโลกในทางที่ดี คิดดี​ ทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม การปฏิบัติธรรมก็การปฏิบัติกายวาจาใจนั่นแหละ​ ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก ทำความเข้าใจกับสมมติวิมุตติ​ ทำความเข้าใจกับขันธ์ห้าของเรา

ท่านบอกว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก​ มันหนักอย่างไรนั้น พระพุทธองค์ท่านค้นพบหลักของอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐเป็นอย่างไร อริยสัจสี่เป็นลักษณะอย่างไร การเกิดการดับของจิต จิตที่ส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร จิตที่เกิดกิเลสเป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราต้องค้นคว้าหาเหตุหาผลทุกเรื่องเลย​ ต้องรู้ด้วยเห็นด้วยไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย​ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติธรรมแบบไม่รู้ ปฏิบัติธรรมแบบงมงาย

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของผู้รู้ ศาสนาของผู้มีปัญญา ไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก​ รอบรู้ในกองวิญญาณของตัวเอง รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในความคิด รอบรู้ในอารมณ์ รอบรู้ภายในของเราให้มันเต็มรอบ ก็จะล้นออกไปภายนอก ส่วนมากก็จะไปวิ่งไปหารู้แต่ภายนอก รู้แต่เรื่องของคนโน้น รู้แต่เรื่องของคนนี้​ คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ที่นั้นเป็นอย่างนั้น ที่นั่นเป็นอย่างนี้ ไม่เคยดูเลยว่าใจของเรามันสงบ สะอาด บริสุทธิ์เป็นอย่างไร เราก็ต้องดู

เอาเรื่องของเราให้มันจบ มันหน้าที่ของเรา เรื่องของเราแท้ๆ เราต้องพยายามดำเนินให้มันถึง มีโอกาสแล้วก็พาการสร้างอานิสงส์ สร้างบารมีกัน โอกาสได้เปิดให้ สถานที่ได้เปิดให้ กาลเวลาได้เปิดให้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีพร้อม ไม่ได้ลำบาก ขอให้เราทำให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกวิธี ขอให้เราทำด้วยจิตที่สะอาดที่บริสุทธิ์ อยู่ที่ไหนก็จะไม่อดไม่อยากไม่ลำบาก อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุข​ มีความเจริญ

เป็นบุคคลที่ไม่เสียโอกาส ไม่เสียเวลา น้อมกายน้อมใจเข้ามาฝึก​ เข้ามาศึกษา ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนโน้น ขึ้นอยู่กับคนนี้ เราหมั่นสำรวจกาย สำรวจใจของเรา แต่ละวันว่าใจของเราไปอย่างไ ร​มาอย่างไร​ เราละกิเลสได้ระดับไหน เราดับความเกิดได้มากน้อยสักเท่าไหร่ ความทุกข์มันคลายลงไปได้มากน้อยสักเท่าไหร่​ แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง​ กระหนาบตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องของเราทุกคน ก็ต้องพยายามกัน

เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน​ พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง